ในวันแรกของการทดสอบที่ เซปังฯ ยามาฮ่า ก็เริ่มทำงานกันอย่างหนัก โดยเพิ่งเริ่มวันทั้ง ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร และทีมเมทอย่าง ฟรานโก มอร์บิเดลลี ก็ลงทดสอบรถแข่ง M1 ตัวต้นแบบของปี 2023 ภายใต้ “แอโรไดนามิค” ที่ คาล ครัทช์โลว ลงเทสต์จาก “เช็กดาวน์ เทสต์” ทันที โดยทั้ง กวาร์ตาราโร และ มอร์บิเดลลี มีรถแข่งในการาจคนละ 3 คัน ซึ่งติดตั้งอุปกรณ์แตกต่างกันไปสำหรับทดสอบเพื่อเก็บข้อมูลอันล้ำค่า โดยเฉพาะการทำงานกับเครื่องยนต์ใหม่ของ ยามาฮ่า นักบิดทั้ง 2 คนของ ยามาฮ่า ขยับขึ้นมาอยู่ในหัวตารางของการทำ “ท็อปสปีด” จากวันแรก ซึ่งบ่งชี้อย่างชัดเจนว่าพวกเขามีพัฒนาการอย่างมั่นคงจนถูกจับตามองเป็นพิเศษ
นอกจากนี้ กวาร์ตาราโร ยังมีการทดสอบ “แชสซีส์” ที่แตกต่างจากเวอร์ชั่น 2022 ด้วย ขณะที่ ยามาฮ่า ได้ติดตั้งช่องดักอากาศลงสู่พื้น (downwash) บนรถแข่ง M1 ซึ่งนั่นเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เทสต์ชิ้นส่วนดังกล่าว แชมป์โลก โมโตจีพี 2021 แสดงความรู้สึกที่ดีกับ “การเพิ่มท็อปสปีด” อย่างชัดเจน แต่ก็ยอมรับว่ายังต้องปรับปรุง โดยตัวเขาเองเข้าใจได้ว่ามันเป็นเพียงวันแรกของการทดสอบ ดังนั้น จะต้องเชื่อมโยงกับส่วนต่างๆ โดยเฉพาะการทำงานของเครื่องยนต์กับ “การใช้คันเร่ง” ขณะเดียวกัน กวาร์ตาราโร เผยว่า “ยังยากที่จะตัดสินอะไรเกี่ยวกับ แชสซีส์ ใหม่ ที่ ตนเองได้ทดลอง เหมือนว่ามันจะยังไม่ใช่การอัปเกรดขั้นตอนสุดท้ายที่จะใช้ในปี 2023” ทั้งนี้ ในวันแรกของ ออฟฟิเชียล เทสต์ ไม่ปรากฏตัวของ คาล ครัทช์โลว ลงทดสอบหลังจากทำงานอย่างหนักใน “เช็กดาวน์ เทสต์” คาดว่าเขาจะรักษาพลังงานไว้ทำงานในวันที่ 2-3 แต่เพื่อนนักบิดคนอื่นอย่าง ทัตซูยูกิ นากาซูกะ ก็ได้ร่วมกับ กวาร์ตาราโร และ มอร์บิเดลลี ลงเทสต์ด้วย โดย มอร์บิเดลลี ลงทดสอบไปทั้งสิ้น 59 รอบสนาม รั้งอันดับ 10 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 59.118 วินาที ส่วน กวาร์ตาราโร รั้งอันดับ 11 ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 59.424 วินาที หลังลงบิด 58 รอบสนาม