น้ำตาที่ไหลของนักแข่งที่ได้ชื่อว่าเก่งที่สุดคนหนึ่งของยุคสมัยปัจจุบัน หลั่งออกมา หลังได้บรรลุเป้าหมาย แข่งขันครบรอบการชิงชัย น่าจะบรรยายได้ว่า Marc Marquez รักและหลงไหล ในกีฬาแข่งรถจักรยานยนต์นี้มากมายเพียงใด “เขากลับมาที่พิทแล้วตะโกนอย่างสะใจ พร้อมๆกับน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มไหลออกมา” นี่คือ สิ่งที่สต๊าฟของทีมเล่าถึงสิ่งเกิดขึ้นหลังจบเกมที่โปรตุเกส ในสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
ในเกมระดับเวิลด์กรังด์ปรีซ์ ต้องยอมรับว่า Marc Marquez คือหนึ่งในยอดนักแข่งของยุคปัจจุบัน เปี่ยมด้วยทักษะ ความสามารถ ที่อาจกล่าวได้ว่าเหนือกว่ากลุ่มนักแข่งรุ่นราวคราวเดียวกัน และแน่นอนว่าในแวดวงไอดอลต่างๆ ย่อมมีทั้งคนชอบและไม่ชอบคละเคล้ากันไป ตามการกระทำการแสดงออกว่าจะถูกจริตแฟนๆกลุ่มใดแค่ไหน และนี่เองคือความท้าทายที่ Marc Marquez จะต้องก้าวผ่าน จากการเป็นแค่นักแข่งที่เก่งที่สุดของยุคปัจจุบัน เพื่อก้าวไปเป็นซูเปอร์สตาร์ ที่เอาชนะใจแฟนๆทุกหมู่เหล่า และก็ต้องยอมรับว่า การขาดหายไปของ Marc Marquez นั้น ทำให้สีสันบางอย่างขาดหายไปจากสนามแข่งขัน
และสองสัปดาห์ที่ผ่านมาในเกมแรกบนแผ่นดินยุโรปที่โปรตุเกส หลายๆคนทราบแล้วว่า นั่นเป็นการคืนสังเวียนครั้งแรกในรอบกว่าแปดเดือนของ Marc Marquez นับจากการเกิดอุบัติเหตุในเกมที่เจเรซในสเปน สรุปคร่าวๆก็คือหลังบาดเจ็บ จากนั้นก็เข้ารับการผ่าตัด ตามกระบวนการมาตรฐานที่นักแข่งระดับโลกพึงได้รับ แถมสร้างเซอร์ไพรส์ประกาศคืนสังเวียนแบบเร็วเกินคาด ที่คิดว่าไม่น่าจะมีใครที่ไหนในโลกเขาทำกัน และก็เป็นไปตามคาด เมื่อการตัดสินใจนั้นส่งผลกระทบอย่างแสนสาหัส โดยต้นเดือนสิงหาคม Marc Marqquez เข้ารับการผ่าตัดครั้งที่สอง หลังพบว่า แผ่นไททาเนี่ยมที่ใส่บริเวญแขนขวาเคลื่อน ซึ่งหนึ่งในทีมแพทย์ที่ทำการรักษาได้ออกมาบอกว่า
“สิบสามวันก่อนหน้านี้ Marc เข้ารับการผ่าตัด และวันนี้เขาก็กลับเข้าห้องผ่าตัดอีกครั้ง ซึ่งในการผ่าตัดครั้งแรกนั้นทุกอย่างเป็นไปด้วยดี แต่ไม่คาดคิดมาก่อนว่า เกิดความเสียหายในพื้นที่ของเพลทที่ถูกแรงกดแรงเค้นจนมีความผิดปกติ ดังนั้นเราจึงทำการผ่าออกแล้วทำการยึดใหม่ และตอนนี้ตัวนักแข่งเองไม่ได้มีอาการเจ็บในบริเวณดังกล่าวแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และผู้เชี่ยวชาญอย่างเคร่งครัด น่าเสียดายที่การออกแรงที่มากเกินไปก่อให้เกิดปัญหานี้ขึ้น หลังการผ่าตัด 48ชม.เราจะมาติดตามอาการและอาจจะพอสรุประยะเวลาในการฟื้นตัวได้”
และทั้งหมดก็คือเรื่องราวเมื่อกว่าแปดเดือนก่อนหน้านี้ ที่ส่งผลให้ Marc Marquez ห่างหายจากสังเวียนไปอย่างยาวนาน และในที่สุดในเกมที่โปรตุเกสก็ถึงเวลาที่ เขาจะกลับสู่สนามอีกครั้ง ครั้งแรกของการกลับมาจับรถแข่ง นับจากที่ห่างหายไปจากสังเวียน ปรากฏว่าเขาสามารถกลับมาทำเวลาได้ด้วยอันดับที่หกจากการควอลิฟาย ซึ่งคู่แข่งแต่ละคนพูดถึงการคืนสังเวียนของอดีตแชมป์โลกแปดสมัยคนนี้ว่าอย่างไรกันบ้าง แน่นอน เรามาเริ่มด้วย แชมป์โลกคนปัจจุบัน อย่าง Joan Mir ที่ต้องบอกว่า “มีอาการ” กับการที่เป็นตัวล่อเป้าในการลงสนามแต่ละครั้ง ของ Marc Marquez เรียกว่า ออกอาการชัดเจนว่าหงุดหงิดกับการโดนตามไลน์แทบจะทุกเซ็คชั่นในการฝึกซ้อม “ถ้าไม่ให้ตามแชมป์โลก คุณคิดว่าควรจะตามหลังใครล่ะ” สั้นๆได้ใจความ กับคำกล่าวตอบโต้จาก Marc เอาล่ะ กลับมาเข้าเรื่องกับ ความคิดของ Mir ที่มีคอมเม้นต์ต่อการคืนสนามในครั้งนี้ของ คู่แข่งคนสำคัญซึ่ง เจ้าของตำแหน่งแชมป์โลกคนปัจจุบันกล่าวว่า “ ผมไม่แปลกใจอะไรเลย เราต่างรู้ดีว่าHonda มีความพร้อมในระดับใด และเราก็รู้ดีว่าเขามีขีดความสามารถในระดับไหน เขากลับมาพร้อมกับความฟิต100% เขาทุ่มเทได้100% นั่นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะสามารถขี่ได้เร็ว เขาไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกแปลกใจแต่อย่างใดเลย ผมเองก็คาดไว้แล้วว่าเขาจะกลับมาได้ในระดับนี้อยู่แล้ว และผมเองก็ไม่สนใจว่าเขาเคยเป็นแชมป์ มันไม่ได้สำคัญอะไร เพราะในเวลานี้ผมคือแชมป์คนปัจจุบัน ผมก็แค่ทำให้เต็มที่ ทุ่มเท100% ตลอดเวลาที่ลงสนาม นั่นคือสิ่งที่ผมทำเสมอ ”
ขณะที่ Maverick Vinales กล่าวถึงการคืนสังเวียนของคู่แข่งแค่ว่า “รู้สึกยินดีทุกครั้งที่ได้เห็นนักแข่งทุกคนหายบาดเจ็บกลับมาลงสนาม มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีครับ” เช่นเดียวกับที่ Franco Morbidelli กล่าวว่า “ อะไรที่เขาแสดงออกมานั้น บอกได้ถึงความแข็งแกร่งของเขาว่ายอดเยี่ยมเพียงใด ” ขณะที่ Fabio Quartararo ก็ได้พูดถึงคู่ปรับตัวฉกาจในเส้นทางการแข่งขันว่า “ เขาดูเหมือนว่าจะกลับมาอยู่ในสภาพที่ยอดเยี่ยมอีกครั้ง จากสิ่งที่เขาแสดงออกมาชี้ชัดว่าเร็วขึ้นทุกครั้งที่ลงสนาม แต่เราก็เช่นเดียวกัน ที่สามารถพัฒนาเวลาในแต่ละครั้งได้ดีขึ้นที่ออกไปบนแทร็ค ผมเชื่อว่าในวันแข่งขันเขาจะสามารถกลับมาลงต่อสู้เพื่อชัยชนะได้อีกครั้ง เพราะว่าเวลานี้เขาทำเวลามาในอันดับที่หกจากการควอลิฟาย และปกติเช่นที่ผ่านมา คือ เขาสามารถที่จะทำเวลาได้ดีขึ้นทุกครั้ง อย่างไรก็ตามสำหรับผมไม่ได้กังวลอะไรมากนักเกี่ยวกับmarc เพราะว่าเราเองก็อยู่ในระดับที่มีความพร้อมมากขึ้นและมีความเร็วที่ดีขึ้นเช่นกัน ” ส่วนทางฝั่งนักแข่งแฟคทอรี่อย่าง Jack Miller นั้นก็กล่าวถึงการคืนสนามของอดีตแชมป์โลกแปดสมัยว่า “ พวกเราต่างรู้ดีว่าทักษะของเขาดีเพียงใด วันนี้ผมคิดว่าเขาเริ่มที่จะกลับมาอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับที่เคยเป็นอีกครั้งแล้ว แต่เหนืออื่นใดผมรู้สึกดีที่เมื่อมองไปดูเขาในพิทแล้วมันทำให้ผมรู้สึกดี เพราะนี่คือกีฬาที่เราทุกคนรักและหลงใหลมัน ดังนั้นผมเชื่อว่าตลอดเก้าเดือนที่เขาไม่ได้จับรถแข่งเลย มันคงไม่ใช่ช่วงเวลาที่ง่ายนัก โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงการที่เขาต้องทำกายภาพเพื่อที่จะฟื้นฟูร่างการกลับมาลงสนามอีกครั้ง ดังนั้นผมเชื่อว่าเราทุกคนต่างแฮปปี้ที่เห็นเพื่อนร่วมอาชีพได้หวนกลับมาสู่กีฬาที่พวกเรารักนี้อีกครั้ง ด้วยทักษะของเขาผมเชื่อว่าจะมีส่วนกระตุ้นให้พวกเราพยายามยกระดับตัวเองขึ้นไปอีกหลังจากที่เขากลับมาสมบูรณ์เต็มที่ ” และปิดท้ายด้วย Aleix Espargaro ที่พูดถึง Marc ที่กลับมาลงสังเวียนอีกครั้งหลังหายไปถึงเก้าเดือนว่า “ สำหรับผมเขาคือนักแข่งที่ดีที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ ด้วยทักษะอันยอดเยี่ยม เมื่อเขากลับมาลงสนามคุณจะคาดหวังอะไรกับเขาล่ะ อันดับที่ 20 เหรอ ไม่ใช่มั๊ง สำหรับผมแล้วเชื่อว่า เขาจะกลับมาเป็น Marc Marquez คนเดิมที่เราคุ้นเคยกันอีกครั้ง อย่างแน่นอน นั่นแหละ คือสิ่งที่ผมหวังกับการหวนคืนสังเวียนครั้งนี้ของเขา”
ก็คงจะทราบกันไปจากการถ่ายทอดสดเกมสนามสาม จาก Autodromo International do Algarve หรือเรียกติดปากกันว่า Porimao ที่โปรตุเกส เป็นการกลับมาคว้าแต้มสะสมแรกได้สำเร็จหลังจากทำได้ครั้งสุดท้ายเมื่อ 518 วันก่อนหน้านี้ ด้วยการคืนสังเวียนในเกมนี้หลังยืนหยัดครบ 25 รอบ ของระยะทางต่อรอบสนาม 4.592 ก.ม.โดยคว้าได้เก้าแต้มจากการทะยานผ่านเส้นชัยเป็นอันดับเจ็ดในเกมนี้ ซึ่งถือว่า บรรลุเป้าหมาย ที่ตั้งใจไว้ว่า จะต้องจบการแข่งขัน ซึ่งเขาได้กล่าวหลังจบเกมว่า “ มันเป็นความรู้สึกที่ผสมผสานหลากหลายมากตลอดทั้งสัปดาห์การแข่งขันที่นี่ มันเป็นการกลับมาลงสนามครั้งแรกของผมหลังจากหยุดพักรักษาตัวยาวนาน ดังนั้นเมื่อกลับเข้ามาในพิท ผมจึงตะเบ็งเสียงออกมาเต็มที่ ผมต้องการระบายความรู้สึกภายในออกมา ไม่ใช่เพราะความเจ็บแต่อย่างใด ผมสัมผัสได้ถึงแรงใจ การสนับสนุนจากทุกคน โดยเฉพาะครอบครัวและเพื่อน นี่คือความรู้สึกที่ผมเฝ้ารอมานาน ก็คือ การได้กลับมาทำหน้าที่นักแข่งในMotoGP อีกครั้ง นี่คือสิ่งสำคัญสำหรับผม ดังนั้นมันจึงเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมมาก ในส่วนของเกมการแข่งขันนั้นผมเองไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับเกมมากนัก เพราะเป้าหมายหลักคือ การฟื้นฟูความคุ้นเคย ความรู้สึกต่างๆ และเพื่อทดสอบดูว่าสภาพร่างกายของผมอยู่ในระดับใด ผมตั้งเป้าเพียงแค่ที่จะแข่งขันให้ครบรอบจนจบการแข่งขัน ผมยังคงต้องฟื้นฟูอีกมาก และยังต้องทำไปเป็นสเตป ตามแผนการณ์ฟื้นฟูร่างกายของผม ยังต้องใช้เวลาอีกพอสมควร ที่จะกลับมาสมบูรณ์เต็มที่ ด้วยเหตุนี้ผมจึงตั้งเป้าเพียงแค่ยืนหยัดให้จบการแข่งขัน ดังนั้นไม่สำคัญว่าผลแข่งจะออกมาอย่างไร แต่การตามหลังผู้ชนะอยู่ 13 วินาที ในเกมนี้ จึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเกินความคาดหวังของผมไม่น้อย และระหว่างแข่งขันในเกมนี้ผมรู้สึกดีมาก อีกทั้งตอนที่ต้องขี่คนเดียวในกลุ่มกลางๆก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับแผนการณ์ฟื้นฟูสมรรถภาพของผมด้วยเช่นกัน จนกระทั่งถึงรอบสุดท้ายของการแข่งขันผมไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าความตั้งใจที่จะผ่านเส้นชัยจนครบรอบการแข่งขันตามที่ตั้งใจไว้ นับจากนี้เราก็คงต้องมาติดตามกันว่า จะเป็นอย่างไรบ้างกับเกมนัดต่อไป ที่เจเรซ ”
ในวันอาทิตย์ ที่ 2 พ.ค.นี้ มาติดตามกันว่า ยอดนักแข่งแห่งยุค จะสามารถ เค้นฟอร์มสุดยอดคืนมาได้ในระดับใด “แผล” จากการผ่าตัดนั้น เยียวยาฟื้นฟูได้สมบูรณ์เต็มที่เพียงใด เรามารอลุ้นพร้อมกัน และมาปิดท้ายกันด้วย ตารางคะแนนสะสมหลังผ่านไปสามสนามแรกของฤดูกาล พร้อมกับภาพจากเกมสนามที่ผ่านมา ที่เรานำมาฝากกัน